[ ❤ Review ❤ ] กันแดด นีเวีย สูตรเซรั่ม ที่มาพร้อมกับ สารป้องกันแสงแดด UVA1
ประเทศไทย มีทั้งหมด 3 ฤดู ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมฤดูหนาว เริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ทุก ๆ ฤดูในประเทศไทย ก็เจอแต่แดดแรง ๆ ตลอด แสงแดดเป็นสิ่งที่นำพาปัญหาต่างๆ มาสู่ผิวหน้ามากมาย คนส่วนมากจึงต้องพึ่งพาครีมกันแดดเพื่อใช้ในการป้องกันรังสี UV และ ป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจตามมา คนเราหน้าตาสวย ก็อยากโชว์หน้าใช่ป่ะละ แต่วิธีจะป้องกันหน้าสวย ๆ ของเราได้ ก็คือ ครีมกันแดดนี่ละ จะมาโพกผ้า ใส่หมวกไอ้โม่ง ก็ไม่ใช่ล่ะ
ประเทศไทยโดยเฉลี่ยจะเจอพระอาทิตย์ในแต่ละวันประมาณ 10-12 ชั่วโมงถึงแม้เราจะไม่ได้เจอพระอาทิตย์แบบเต็ม ๆ แต่เราก็สามารถรับพวกรับสี UV ได้จากหลาย ๆ แหล่งกำเนิดแสง เช่น หลอดไฟ เป็นต้นแสง UV มีทั้งคุณและโทษกับร่างกายของเรา แสง UV เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผิวต่างๆ ได้มากมาย ซึ่งบางคนก็ยังไม่ทราบภัยที่เกิดจากรังสี UVโดยส่วนมากคนไทยจะนิยมผิวขาว ไม่ชอบผิวหมองคล้ำ ครีมกันแดดจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่คนไทยจะเลือกใช้เพื่อป้องกันปัญหาผิวต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับรังสี UV หลายๆ แบรนด์ก็คิดค้นเทคโนโลยี +ส่วนประกอบต่างๆ ที่จะช่วยให้ผิวของเรานั้น ปลอดภัยจากรังสี UV ได้อย่างครอบคลุมทุกปัญหาผิวรวมทั้งอาจมีส่วนประกอบที่เป็น Make-up base ด้วยเพื่อประหยัดเวลาในการแต่งหน้าและช่วยปกปิดริ้วรอยจุดด่างดำต่าง ๆวันนี้อั้มได้ลองผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งของ Nivea ซึ่งเป็นครีมกันแดดที่น่าลองมากๆ เป็นโลชั่นกันแดด ที่ผสมเมคอัพเบส กับ น้ำนมไว้ด้วยกันเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของนีเวีย ที่สามารถป้องกันแสง UVA / UVB ได้และยังปกป้องรังสีที่ชอบทำร้ายผิวที่ลึกที่สุดอย่างรังสี UVA1 อีกด้วย และ นีเวีย เขาเคลมว่า เป็นสูตรเดียวที่ปกป้อง UVA1 ได้ ซึ่งปกติแล้ว ครีมกันแดดทั่ว ๆ ไปเราจะไม่ค่อยเห็นเคลมว่า ปกป้อง UVA1เลย พอเจอคำเคลมอันนี้เท่านั้นแหละ ตาลุกวาว เลยรีบไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ UVA1 ว่ามันคืออะไร ยังไง ดังนั้น ก่อนจะเข้าไป เจาะลึก ถึงตัวผลิตภัณฑ์เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ รังสี UV ทั้งหมด ก่อน วันนี้เลยแอบเอาทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝากด้วย
- UVA คือรังสีที่สามารถทะลุเข้าถึงชั้นผิวภายในของเราได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวร่วงโรยเหี่ยวย่นก่อนเวลาอันควร นั่นเองค่ะ แสง UVAจะเป็นแสงที่มีความยาวคลื่นในชวง 320-400 nm แบงเปน
- UVA1 (340-400 nm)
- UVA2 (320-340nm)
- UVB นั้น ถ้าร่างกายของคนเราได้รับรังสีตัวนี้เป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้ผิวอักเสบได้นะคะเป็นสาเหตุ ของ ฝ้า กระ และความแห้งกร้านหรืออาจทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังด้วย แสงจะมีความยาวคลื่นในชวง 290-320 nm
มารู้จักกับอีกสิ่งที่เราได้ยินบ้อยบ่อย นั่นก็คือ SPF และ PA
SPF = Sun Protection Factor
คือ ตัวเลขที่บอกความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกัน ผิวจากแสงแดด
คือ ตัวเลขที่บอกความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกัน ผิวจากแสงแดด
เช่น เมื่อใช้ครีมกันแดดที่มี SPF15 จะสามารถอยู่กลางแดดได้นานขึ้น 15 เท่า
PA = Protection UVA
คือ ค่ามาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ดูที่ค่า + จะแสดงถึงประสิทธิภาพ
คือ ค่ามาตรฐานจากประเทศญี่ปุ่น ดูที่ค่า + จะแสดงถึงประสิทธิภาพ
ในการป้องกัน UVA เช่น PA+++ คือ ค่าสูงสุดในการปกป้องผิว
Tips : ควรเลือกครีมกันแดดที่มีทั้ง SPF และ PA ด้วยนะจ้ะ ถ้าได้ PA+++ด้วยจะดีมาก
ประเภทของครีมกันแดด
ครีมกันแดดมีทั้งหมด3 ประเภท ดังนี้คือ
1. Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมีทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิวซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมงการเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย
2. Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าสารในกลุ่มแรกแต่มีข้อด้อยคือครีมกันแดดประเภทนี้ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ได้ และเมื่อทาบนผิวหนังแล้ว หน้าจะดูขาวมากเนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบจึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย
3. แบบผสม Chemical-PhysicalSunscreen เป็นการเสริมข้อดีลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือลดการระคายเคืองต่อผิวหนังจากสารประเภทสารเคมีและลดความขาวเมื่อทาครีม และเสริมประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน
Physical Sunscreen :: หลักการทำงานจะสะท้อนรังสีออก 100%คล้ายๆ กระจกเงา ไม่ดูดซับรังสี และบล็อครังสีจากแสงแดดไม่ให้ ตกกระทบลงบนผิวหน้า และ จะสามารถออกฤทธิ์ป้องกันแสงแดดได้ในระยะเวลาที่นากว่า Chemicalและมีความปลอดภัยในการใช้งานสูงมาก ตัว Zine Oxide สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA – UVB และได้รับการรับรองจาก FDA ว่ามีความปลอดภัย 100% ไม่ก่อให้เกิด FreeRadical
(สารที่ทำให้เกิดอาการแก่ก่อนวัย และ ทำร้ายเซลล์ผิว)
Chemical Sunscreen :: หลักการทำงานคือ จะดูดซับรังสีจากแสงแดดมาเก็บไว้บนผิวไม่ยอมให้แสงผ่านเข้าไปทำร้ายผิวหน้า
ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนบนผิวหน้าได้ในบางคน พวกสารเคมีอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ในบางคน
และสารกรองแสงพวกนี้ ส่วนมากต้องใช้ร่วมกันหลาย ๆ ตัวเพื่อออกฤทธิ์ในการป้องกันแสงแดด
*************************************************************
ชื่อผลิตภัณฑ์ภาษาอังกฤษ :: NIVEASUN WHITENING PERFECT PROTECT MILK PINK SERUM SPF 50
ชื่อผลิตภัณฑ์ภาษาไทย :: นีเวีย ซัน ไวท์เทนนิ่ง เพอร์เฟ็ค โพรเทคมิลค์ พิ้งค์ เซรั่ม เอสพีเอฟ 50
ทางแบรนด์บอกว่า :: โลชั่นป้องกันแสงแดดสำหรับผิวหน้า กันแดดผสมเมคอัพเบสเนื้อน้ำนม สำหรับใช้ทุกวัน เพื่อผิวกระจ่างใสอมชมพู
ใหม่! NIVEASun Whitening Light texture Perfect Protect Milk Pink Serum SPF50 นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากนีเวียซัน ที่มีประสิทธิภาพการปกป้องผิวจากแสงแดดจาก UVB และ UVAอีกทั้งยังปกป้องได้ครอบคลุมแม้กระทั่งรังสี UVA1 ที่ทำร้ายผิวลึกที่สุดเพื่อผิวกระจ่างใส ต่อเนื่องยาวนานทั้งวัน*
ULTRA DEEP UVA1 PROTECTTION **
หนึ่งเดียวที่มี Ultra Deep UVA1 Protection** พิสูจน์แล้วว่าไม่เพียงแต่ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB แต่ยังปกป้องผิวจากการทำร้ายลึกของ UVA1 ได้ดีกว่าครีมกันแดดทั่วไปช่วยบล็อกความหมองคล้ำ *** ให้ผิวกระจ่างใสตลอดทั้งวัน Protects against UVA& UVB radiation.
Licorice Extract, VITAMIN E & HYDRA IQ
ช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย VITAMIN E และเทคโนโลยี HYDRAIQ Repair and hydrates for a radiant & even skin tone.
Light Texture & MICRO-SIZED MOLECULES
อนุภาคเล็กขนาดไมโครทำให้ซึมซาบเร็ว บางเบา สบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ Ultra-light texture for fast absorption.
Perfect MAKE-UP COVERAGE
ใช้เป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าได้เข้าได้กับทุกสีผิว ดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ หน้าไม่ขาวลอย Provides a perfect coverage or make-up base.
* คือ เมื่อทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
** คือ Zinc Oxide (nano)
*** เมื่อใช้เป็นประจำต่อเนื่อง ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับผิวของแต่ละบุคคล
Ingredients :: Aqua, Cyclomethicone, Zinc Oxide (nano), Alcohol, Denat.,Ethylhexyl Methoxycinnamate, Polymethylsilsesquioxane, Trisiloxane, Glycerin,Caprylic/Capric Triglyceride, Talc, PEG-10 Dimethicone, Silica, Dimethicone,Acrylates/Dimethicone Copolymer, Aluminum Hydroxide, BHT, Cetyl PEG/PPG-10/1Dimethicone, CI 77491, CI77891, Glyceryl Glucoside, Glycyrrhiza, Glabra RootExtract, Hydrogen Dimethicone, Magnesium Sulfate, Methylparaben, Mica, PEG-9Poly-dimethylsiloxylethyl Dimethicone, Phenoxyethanol, Titanium Dioxide(nano) ,Tocopheryl Acetate, Triethoxycaprylylsilane
และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าครีมกันแดดที่ใช้เป็นแบบไหน (ต้องดูที่ส่วนประกอบค่ะ)
ตัวนี้มี ZincOxide ดังนั้นอั้มจึงมั่นใจว่า เป็นครีมกันแดดชนิด Physical (การอ่านค่าส่วนประกอบส่วนผสม/ส่วนประกอบหลัก จะเรียงจากอันดับแรก คือ มากสุด ไปจน ท้ายสุด คือ น้อยสุด) << เป็นมาตรฐานองค์การอนามัยโลกที่ระบุไว้นะคะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยา เครื่องสำอางค์จะต้องบอกส่วนผสมโดยเรียงจากส่วนผสมหลักไปจนถึงส่วนผสมรองค่ะ >>
ส่วนผสมในครีมกันแดด สามารถแบ่งตามสารออกฤทธิ์ได้ดังนี้
1.สารออกฤทธิ์กลุ่มสารเคมีที่ป้องกัน UVA ได้แก่Oxybenzone, Sulisobenzone, Dioxybenzone, Avobenzone, Merxoryl sx
2. สารออกฤทธิ์กลุ่มสารเคมีที่ปัองกันUVB ได้แก่ Aminobenzoic acid (PABA),Homosalate, Cinoxate, Octyl methoxycinnamate,Octyl salicylate, Padimate O,Phenylbenzimidazole sulfonic acid, Trolaminesalicylate, Methyl anthralinate
3. สารออกฤทธิ์กลุ่ม Physical เป็นสารกันแดดที่สะท้อนแสงที่ป้องกันทั้ง UVA และ UVB ได้แก่ Titaniumdioxide, Zinc Oxide
แพคเกจภายนอก :: ถูกซีนด้วยพลาสติก มากับภาชนะกระดาษแข็ง พร้อมรายละเอียด ผลิตภัณฑ์ด้านหลัง ซึ่งทำให้รู้สึกปลอดภัยว่าคงไม่มีใครแอบเปิดทดลองผลิตภัณฑ์ หรือ เปิดทดสอบกลิ่นก่อน แน่ ๆ
แพคเกจภายใน :: ถูกออกแบบมาเป็นขวดทึบแสงสีขาว เป็นฝาแบบเกลียดล็อค การปิดเปิดง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก สะดวกต่อการใช้งาน ปลายขวด ไม่ใหญ่จนเกินไป เวลา เทผลิตภัณฑ์ออกมา สามารถควบคุมได้ในปริมาณที่ต้องการ
เนื้อครีม :: สีออกครีม ๆ อมชมพู เวลาทาแล้วจะช่วยทำให้ผิวดูขาวกระจ่างใสขึ้น กลมกลืนได้กับสีผิวไม่ทำให้หน้าขาว "ลอย" ไม่หนักหน้า ไม่เหนียว ไม่เหนอะหนะ
ราคา :: 149 บาท , 279 บาท
ขนาด :: 15 ml, 30 ml
วิธีใช้ :: ทาผลิตภัณฑ์ลงบนใบหน้าและลำคอให้ทั่ว และสม่ำเสมอ สามารถทาทับได้ทุก ๆ 2 ชั่วโมง เมื่อต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน
------------------------------------------------
ทดสอบประสิทธิภาพ “ความมัน”
อั้มทดสอบด้วยการจับเวลา และ บีบครีมกันแดดลงไปบนกระดาษซับมันชนิดฟิล์ม ทดสอบ 15 นาที (โดยประมาณ) หลังจากทดสอบจะเห็นได้ว่า ครีมกันแดด แอบมีความมันเล็กน้อย บนกระดาษซับมัน ซึ่งในตอนแรกที่บีบลงไป ยังไม่เห็นความมันเท่าไหร่แต่ทิ้งไว้สักระยะ ความมันจะค่อย ๆ กระจายออก แต่ที่แปลกคือ ทาลงบนผิวหน้า กลับไม่ทำให้หน้ามันเหมือนในการทดสอบบนกระดาษซับมัน เนื้อครีมซึมสู่ผิวได้ไว และ หลังทา รู้สึกไม่หนักหน้า ไม่เหนียว เหนอะหนะ
------------------------------------------------
ทดสอบประสิทธิภาพ “การกันแดด”
เริ่มแรก อั้มใช้ กระดาษกาวทำเป็นช่อง ๆ สำหรับทดสอบ เซรั่มกันแดดตัวนี้ โดยทากันแดดใน นีเวีย ในช่องที่ 2 หลังทาแล้ว อั้มก็ขับรถตากแดดไป จังหวัดนครปฐม ประมาณ 1.30 ชั่วโมง
------------------------------------------------
สรุปผลหลังการทดลอง ::
- อั้มขับรถโดยใช้แขนฝั่งที่ทำการทดสอบ ตากแดดเป็นระยะเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
- เมื่อครบกำหนด อั้มก็แกะกระดาษกาวออก จะเห็นเลยว่า ช่องที่ 1 ที่ไม่ได้ทากันแดดนีเวีย นั้น มีสีที่คล้ำลง เนื่องจากโดนแสงแดด แต่ช่องที่ 2 ที่ทากันแดดนีเวีย จะเห็นว่าเป็นสีขาว ๆ อยู่ นั่นเพราะ เป็นสีของกันแดด ที่เป็นเมคอัพเบส ในตัว
- อั้มอยากรู้ว่า มันช่วยปกป้องแสงแดดได้หรือไม่ ก็ใช้ทิชชู่เปียก เช็ด กันแดดออก
- เมื่อเช็ดออกจนหมดจะสังเกตุเห็นเลยว่า สีไม่คล้ำเท่าช่องที่ 1 นั่นคือ กันแดดตัวนี้ สามารถปกป้องรังสี UV จากแสงแดดได้
------------------------------------------------
มาลองทดสอบการเป็น Make-up base กันดูบ้าง ::
ลองสังเกตุดูใบหน้าก่อนแต่งของอั้ม จะเห็นได้เลยว่า หน้าไม่ได้ขาวสดใสอะไร และไม่ได้เรียบเนียน
แต่พอทาเมคอัพเบส ของนีเวีย ลงไป ซึ่ง เป็นสีที่เหมาะกับผิวขาวอมชมพู แต่มันก็สามารถกลมกลืน
กับสีผิวได้ ไม่ทำให้หน้าขาวลอย มันสามารถกลืนไปกับสีผิวได้หลังจากนั้น อั้มก็ใช้แป้งผสมรองพื้น ทาทับลงไปเลย โดยแบ่งเป็น อีกฝั่งนั้นทากันแดดก่อน ลงแป้งส่วนอีกฝั่งไม่ได้ทา แล้วลงแป้งเลย พอทาเสร็จก็เขียนคิ้วทาปากแบบปกติ สังเกตุเห็นไหมว่า ผิวข้างที่ทากันแดดนั้น ไม่ได้ทำให้หน้ามันวาว แต่ประการใดและ หน้าดูเรียบเนียนกว่าอีกข้างหนึ่งด้วยซ้ำ และหลังจากผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมง
หน้าก็ยังไม่ได้มันเพิ่ม
------------------------------------------------
หลังทดลองใช้ อั้มรู้สึกว่า ::
กันแดดตัวนี้มี SPF 50 PA+++ ที่ สามารถป้องกัน UVA / UVB / UVA 1 ได้ ซึ่ง ตัว UVA 1 นี่อันตรายมาก เพราะ มันสามารถเข้าไปถึงชั้นหนังแท้ก่อกวนโครงสร้างของชั้นหนังแท้ ทำให้เกิดรอยย่นและฝ้า ซึ่งรักษาหายยาก ดังนี้แล้วควรเอาใจใส่ระมัดระวังไว้ หากเรามีครีมกันแดดที่ป้องกันได้แบบนี้ก็หายห่วง ซึ่งปกติในประเทศไทยยังไม่ค่อยเห็นมีที่ปกกัน UVA1 ได้โดยตรงแบบ Nivea ตัวนี้ เลยค่ะ และชอบอีกอย่างตรงที่สามารถเป็น Make-up base ได้อีกด้วย ทำให้เหมือนเราประหยัดเวลา ในการแต่งหน้าขึ้นอีก ใช้กันแดดตัวนี้ แล้วลงแป้ง ผิวหน้าก็ดูเรียบเนียน และยังไม่เป็นคราบอีกด้วย และหลังใช้ระหว่างวัน หน้าก็ไม่เปลี่ยนสี หรือหมองคล้ำลง เนื้อกันแดด ซึมสู่ผิวได้เร็ว แล้วก็กลืนเข้ากับสีผิว ดูไม่หลอก ไม่ลอย ผิวมันอย่างอั้มก็ใช้ได้ เพราะมันซึมไว และหน้าไม่มันเพิ่ม
เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเลือกครีมกันแดดค่ะ
แสงแดดเป็นตัวการทำลายผิวที่สำคัญ ทำให้เกิดผิวหนังไหม้ คล้ำ เกิดกระ ฝ้า หรือรอยเหี่ยวย่น และอาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งผิวหนังได้แม้ช่วงนี้จะย่างเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว แต่แสงแดดก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป ยังคงแผดเผาทำลายผิวของเราทุกวัน คนส่วนใหญ่จึงมักป้องกันผิวไม่ให้ถูกทำลายจากแสงแดดด้วยการทาครีมกันแดด แต่จะทราบได้อย่างไรว่าครีมกันแดดที่เลือกเหมาะสมแล้วหรือไม่ และต้องทามากน้อยแค่ไหนจึงจะป้องกันได้
จะซื้อครีมกันแดดต้องพิจารณาอะไรบ้าง
ในปัจจุบันมีครีมกันแดดให้เลือกซื้ออย่างมากมายในท้องตลาด การเลือกครีมกันแดดที่ดีจะต้องพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด โดยดูจากค่า SPF (sun protection factor)ซึ่งก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารังสียูวีในแดดมีอยู่ 2 ชนิด คือ UVA ซึ่งเป็นรังสีที่มีอยู่ตลอดทั้งวันตั้งแต่เริ่มมีแสงไปจนถึงพระอาทิตย์ตก และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดริ้วรอยต่างๆ เมื่ออายุมากขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ออกไปตากแดด แต่หากนั่งทำงานริมหน้าต่าง ก็มีโอกาสได้รับรังสี UVA ได้ รังสีอีกชนิดคือ UVB ซึ่งเป็นสาเหตุของผิวไหม้แดดและหมองคล้ำ สามารถส่งผลให้เห็นได้ภายใน 24-48 ชั่วโมงโดยทั่วไปแล้ว การทาครีมที่มี SPF จะสามารถปกป้องได้เฉพาะรังสี UVB เท่านั้น แต่ไม่สามารถป้องกันรังสี UVA ที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้
การเลือกซื้อครีมกันแดดที่ดีจะต้องเลือกชนิดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB
โดยสังเกตจากข้อมูลที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่มักมีคำถามเกี่ยวกับการเลือก SPF ว่าสูงหรือต่ำจึงจะดีกว่ากัน ในความเป็นจริงแล้ว SPF ที่มากกว่า 30 ขึ้นไปให้ฤทธิ์ของการปกป้องแสงแดดแตกต่างกันน้อยมาก โดย SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93% SPF 30 ป้องกันได้ 97% ในขณะที่ SPF มากกว่า 50 ป้องกันได้ 98% ซึ่งแตกต่างกันเพียง 1% จึงอาจไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงๆ
ความเข้ากันได้และเหมาะสมกับสภาพผิว ครีมกันแดดที่ดีจะต้องเข้าได้กับสภาพผิวหน้าของเรา สามารถกระจายได้ดี ไม่ทำให้เกิดคราบ ครีมกันแดดในปัจจุบันมีในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อครีม เจล หรือโลชั่น ซึ่งจะเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวต่างๆ กัน เช่น คนผิวมันควรเลือกชนิดที่เป็นเจลหรือโลชั่น เป็นต้น
ใช้ครีมกันแดดแค่ไหนถึงป้องกันแสงแดดได้
ปริมาณครีมกันแดดที่ใช้เป็นเรื่องสำคัญ โดยส่วนใหญ่แล้วคนเรามักใช้ปริมาณครีมกันแดดน้อยกว่าปกติ
ซึ่งทำให้ผลในการปกป้องผิวจากแสงแดดลดน้อยลงไปด้วยในทางทฤษฎีแล้ว การทาครีมกันแดดให้ได้ผลจะต้องใช้ปริมาณ 2 มิลลิกรัมต่อตารางเซนติเมตร นั่นหมายถึง การทาครีมกันแดดบนใบหน้า 1 ครั้งจะต้องใช้ครีมกันแดด 1 กรัม และการทาครีมกันแดดทั่วตัวจะต้องใช้ปริมาณครีมกันแดด 35 มิลลิลิตร
หากเปรียบเทียบโดยการใช้ช้อนกาแฟเป็นตัววัดปริมาณ การทาครีมกันแดดบนใบหน้าจะต้องใช้ครีมกันแดดในขนาดครึ่งช้อนชา หรือประมาณ 2 ข้อของปลายนิ้วกลาง จึงจะเพียงพอต่อการป้องกันแสงแดด
อย่างไรก็ดี แม้ตามหลักของการทาครีมกันแดดจะแนะนำให้ทามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในชีวิตประจำวันอาจเป็นการยากที่จะใช้ครีมกันแดดในปริมาณมากๆ ดังนั้น การเลือกครีมกันแดดที่ดีตามปัจจัยดังกล่าวข้างต้นจึงมีความสำคัญที่จะช่วยปกป้องผิวสวยๆ จากแสงแดดได้
ขอขอบคุณข้อมูลดี ๆ :: เรียบเรียงโดย นายแพทย์รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง หัวหน้าศูนย์ผิวหนัง โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
http://www.bumrungrad.com/healthspot/may-2013/how-to-choose-a-sunscreen
-----------------------------------------------------------------
วิธีเลือกใช้ครีมกันแดด
สำหรับคนเอเชีย เช่น คนไทย ซึ่งไม่นิยมผิวคล้ำ และการอาบแดด การป้องกันอันตรายจากแสงแดดที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ในช่วงเวลา 9.00-15.00 น., สวมเสื้อผ้าปกคลุมมิดชิด, แว่นกันแดด, หมวกปีกกว้าง, หรือกางร่มเสมอ แต่ในกรณีที่ทำงาน หรือเล่นกีฬากลางแจ้ง, เด็ก หรือการท่องเที่ยวทางน้ำ มีความจำเป็นต้องใช้ยากันแดด ควรเลือกดังนี้
1. ที่มีค่า SPF สูงกว่า 15
2. มีสารเคมีที่กัน UVA ได้ดีอย่างน้อย 2 ชนิด เช่น Oxybenzone + TiO2 หรือ Parsol 1789 + ZnO เป็นต้น
3. กันน้ำได้ ( water resistance, หรือ water proof)
4. มีการทดลองว่า ไม่สลายจากแสง (photo stable)
ควรทายากันแดดให้หนาเพียงพอ 15 นาที ก่อนอยู่กลางแดด และอาจทาซ้ำทุก 15 นาที หลังจากทาครั้งแรก หรือทุก 1-2 ชม. ถ้าว่ายน้ำ หรืออยู่กลางแดดจัด เนื่องจากการทายากันแดดซ้ำ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการกันแดด ได้อีก 2-3 เท่า เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ มักทายากันแดดในปริมาณน้อยกว่าที่ควร สำหรับการใช้ยากันแดด ประจำวัน ในผู้ที่ทำงานในร่ม และใช้เวลานอกอาคาร หรือรถยนต์ เฉพาะช่วงเช้า ก่อน 9 นาฬิกา และหลังจาก 15 นาฬิกา อาจไม่มีความจำเป็น เนื่องจากแสง UVB, UVA สามารถผ่านกระจกรถ ที่ติดฟิล์มกรองแสง ได้น้อยกว่า 5% และแสง UV ในช่วงเวลาเช้าตรู่ และเย็น มีปริมาณน้อย
วิธีทดสอบการแพ้ครีมกันแดด
ให้ทาครีมกันแดดบริเวณใต้ท้องแขนทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วสังเกตว่ามีอาการบวม แดงหรือไม่ ถ้าปรากฏอาการดังกล่าวแสดงว่าแพ้สารเคมีชนิดหนึ่ง อย่างไรก็ตามคนบางประเภท (delay sensitivity) จะใช้เวลานานกว่าจะปรากฏอาการแพ้ ดังนั้นจึงควรรอดูอาการถึง 24 ชั่วโมง หรือ 72 ชั่วโมง จึงจะสรุปได้ว่าไม่มีอาการแพ้จริงๆ
ครีมกันแดดที่กันน้ำได้ เลือกที่มีส่วนผสมของ Silicone หรือระบุในฉลากว่ากันน้ำได้ มีวิธีการทดสอบด้วยตนเองโดยทาครีมให้ทั่วแขนแล้วจุ่ม แขนลงน้ำแล้วยกแขนขึ้นมา น้ำจะไหลลงจากแขนไปหมด
โดยไม่มีน้ำเกาะติดกับผิวเหมือนที่ไม่ได้ทาครีมกันแด ด
ที่มา http://guru.sanook.com
----------------------------------------------------
Sponsor :: Nivea Thailand
----------------------------------------------------
ฝากเพจ อั้มด้วยนะคะ
ไม่มีความคิดเห็น